IRPC (15-02-2017 KTBST + MBKET)
Q4/59 หากตัดขาดทุน fx 442 ล้านบาท กับขาดทุนเฮดจิ้งน้ำมัน 1,994 ล้านบาท (1.9 US/บาร์เรล)
ถือว่างบดีขึ้น 58% YoY ซึ่งเป็นผลจากค่าการกลั่นน้ำมันเบนซินและน้ำมันเตา (โดยเฉพาะน้ำมันเตาดีขึ้นเยอะมาก)
รวมทั้งมีการ COD ของโครงการ UHV เพิ่มเป็น 86%
บวกมีกำไรจาก Stock gain น้ำมันอีก 1.47 พันล้านบาท ที่เข้ามาชดเชยการอ่อนตัวลงของสเปรด HDPE
Q1/60 ปิดซ่อมบำรุงใหญ่ 30 วัน (กพ.-มีนา) แต่ประเด็นนี้ตลาดรับรู้แล้ว
ปี 60 มีแผนขยายไลน์การผลิตสินค้าปลายนิ้วช่วงกลางปี (PPE PPC และพลาสติกเกรดพิเศษ)
ซึ่งประเมินว่ามาร์จิ้นดีน่าจะเข้ามาหนุนผลประกอบการในระยะยาว
ปันผล 4% XD 27 กพ.
= = = = =
ETE (15-02-2017 KTBST)
ทำธุรกิจ Outsourcing ด้านบริหารจัดการบุคลากรและงานธุรกิจ (กลุ่มลค กฟผ กฟภ)
บริการงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและโทรคมนาคม (กลุ่มลค. กฟผ ค่ายมือถือต่างๆ)
ธุรกิจพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ สัดส่วนรายได้ 57:42:0
พลังงานเพิ่งเริ่ม COD ธค.59 ยังไม่รับรู้ในงบ Q4/59
งบปี 59 ชะลอตัวลงจากความล่าช้าของงานวิศวกรรม
และมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากงานรฟฟ + ดีล IPO
แต่ปี 60 น่าจะเติบโตได้จากการรับรู้รายได้เต็มปีของพลังงานแสงอาทิตย์
และภาวะงานอื่นๆ ที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
= = = = =
TOP (16-02-2017 ASP)
Spread กลุ่มอะโรเมติกส์ที่อ่อนตัวลงในปี 60 พร้อมกับ supply การกลั่นในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น
เริ่มกดดันตัวเลขงบใน Q4/59 แต่ถึงอย่างนั้นรายได้ที่โดดเด่นของปี 59 ยังช่วยให้งบออกมากำไรมหาศาล
โดยเป็นกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว (4.3 พันล้านบาท) กับ Stock gain จากน้ำมัน
บวกกับมีรายได้จากธุรกิจไฟฟ้า (TP+TOP+PPA) มาเสริม
ดังนั้นแม้ธุรกิจอะโรเมติกส์จะหดตัว เนือ่งจากสเปรดพาราไซลีนปรับตัวลดลง
และธุรกิจจากกลุ่มสาร LAB (TPX) กับน้ำมันหล่อลื่น (TLB) หดตัวตามสเปรดยางมะตอยกับราคาน้ำมันเตาที่สูงขึ้น
แต่ภาพรวมก็ยังกำไรโตมาก แม้จะขาดทุน fx 870 ล้านบาท
โดยการเติบโตอย่างมากในปี 59 จะกลายเป็นผลกดดันตัวเลขในปี 60 ค่อนข้างมาก
เพราะปี 60 TOP จะต้องเริ่มกลับมาจ่ายภาษีเต็มพิกัดในส่วนของโรงกลั่น ที่ 20% อีกครั้ง
หลังจากที่ใช้สิทธิ BOI จ่าย 8% ตรงนี้จะกดดัน EBITDA
แต่งานหนักที่ TOP ต้องเผชิญปี 60 คือ Surplus ของธุรกิจอะโรเมติกส์
ที่เกิดจากการเปิดเดินเครื่องของโรงงาน Reliance ใน Q1/60 (กำลังการผลิต 2.3 ล้านตันต่อปี)
โรงงานปิโตรลาปิก เปิด Q2/60 (กำลังการผลิต 1.3 ล้านตันต่อปี)
ตามด้วยโรงงานจีนและเวียดนาม Q3/60 8 แสน และ5แสนตันต่อปี
ดังนั้นแนะนำสวิทตัวไปเข้า PTTGC หรือ IVL แทน
BDRM เป็นเพียงนักลงทุนเม่าๆ คนหนึ่ง ที่หลงใหลการลงทุนในตลาดหุ้น มากพอที่จะนั่งดูเฝ้าจอ ดูกราฟ อ่านข่าว แอบดูงบ แกะรอยเจ้ามือ นินทารายใหญ่ได้ทั้งวัน การนั่งสังเกตความเป็นในตลาดทำให้สัมผัสได้ว่า ตลาดหุ้นสีเทาแห่งนี้มีระบบและเงื่อนไขที่เอื้อต่อการสูบเงินจากเม่าไปให้เจ้า ซึ่งเป็นที่มาของเพจการลงทุน BDRM Blog ที่หวังให้เม่ารู้เท่าทันตลาดหุ้นเท่าที่กำลังความสามารถของเม่าตัวนี้พึงทำได้